|
รูปแบบหรือทฤษฎีการจัดการเรียนการสอน ที่โรงเรียนต่าง ๆในประเทศไทยได้ หยิบยกขึ้นมาใช้นั้น มีอยู่มากมายหลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Waldorf Education, Brain-Base Learning, Project Approach หรือ Montessori Education เป็นต้น ล้วนแต่เป็นผลงานวิจัยและพัฒนาขึ้นจากกลุ่มประเทศแถบตะวันตก ซึ่งโดยรวมแล้วจะกล่าวถึงแต่วิธีการต่าง ๆ นา ๆ ที่จะใช้ในการป้อนวิชาความรู้ให้แก่ เด็กนักเรียนทั้งทางตรงและทางอ้อม และอยู่บนพื้นฐานทางสังคมตะวันตก การหยิบยกมาใช้ย่อมต้องพิจารณาถึงความแตกต่างของพื้นฐานทางสังคม เช่น การสร้างความมั่นใจ หรือ ปลูกฝังความกล้าแสดงออกให้แก่เด็ก ในสังคมตะวันตกนั้น ไม่ใส่ใจในเรื่อง ความมีอาวุโส จึงสามารถทำได้อย่างเต็มที่ แต่ในสังคมไทยมีระบบอาวุโส ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา มีพี่ มีน้อง ปัจจุบันเราจึงมักได้ยินผู้ปกครองบอกกันว่า บุตรหลานของตนนั้นมักกล่าววาจาหรือถ้อยคำที่เป็นตัวของตัวเองมากเกินไป อาจถึงขั้น
“เถียงคำไม่ตกฟาก” หรือแม้แต่ค่านิยมการแต่งกาย ที่ไม่เหมาะสมกับวัฒนธรรมประเพณี และการยอมรับทางสังคม ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีพื้นฐานปัญหามาจากการสร้างความมั่นใจในตนเองเกินขอบเขตของพื้นฐานทางขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมอันดีงามของไทย เป็นต้น
ดังนั้น จากประสบการณ์ การจัดการเรียนการสอนที่ผ่านมากว่า 40 ปี ทำให้ในวันนี้ โรงเรียนตรีวิทยา มีความเชื่อมั่นว่าแนวทางการจัดการเรียนการสอน ที่หยิบยกหรืออิงเอาแต่ทฤษฎีตะวันตกเพียงอย่างเดียวนั้น มิได้ตอบโจทย์ให้กับสังคมไทยในการสร้างเด็กนักเรียนให้มีความรู้ความสามารถ และมีพัฒนาการที่ดีได้ครบทั้ง 6 ด้านไปพร้อม ๆ กัน คือ IQ, EQ, MQ, AQ, SQ และ PQ หากแต่แนวทางที่ควรจะใช้นั้น จะต้องเน้นแนวทางปรัชญาตะวันออก เพื่อสร้างพัฒนาการทั้ง 6 ด้าน แล้วเพียงแต่นำรูปแบบการสอนแบบตะวันตกมาปรับใช้ให้พอเหมาะกับพื้นฐานสังคมไทยในการป้อนความรู้เชิงวิชาการให้กับเด็กนักเรียน ผ่านทางหลักสุตร TW-Exclusive regularity program (TW-ERP: หลักสูตรสามัญพิเศษ) ซึ่งสอดคล้องกับหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีกรอบการจัดการเรียนการสอนดังนี้
|
|